วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดาวฤกษ์

- กำเนิดดาวฤกษ์
   ดาวฤกษ์เกิดจากกลุ่มฝุ่นก๊าซ  ส่วนใหญ่ประกอบด้วยไฮโดรเจน  ที่รวมตัวกันจนอุณหภูมิและความกดดันสูงมากที่ใจกลาง 
ทำให้เกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์แบบหลอมรวมตัวเปลี่ยนไฮโดรเจนเป็นฮีเลียม  คือปฏิกิริยาของระเบิดไฮโดรเจนเกิดเป็นก้อนก๊าซร้อนขนาดใหญ่  ดาวฤกษ์มีมวลสารและขนาดที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับกลุ่มฝุ่นก๊าซที่รวมตัวกันครั้งแรก

 

- ช่วงอายุของดาวฤกษ์
   อายุของดาวฤกษ์ คือระยะเวลาของการเผาผลาญเชื้อเพลิงไฮโดรเจน  เมื่อเชื้อเพลิงหมดก็จะเกิดวาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ดวงนั้น สีและการส่องสว่างของดาวฤกษ์อาจบอกถึงอายุของดาวฤกษ์ได้  เพราะดาวฤกษ์เกิดใหม่มีพลังงานมาก อุณหภูมิสูงมองเห็นเป็นสีฟ้า เมื่อเชื้อเพลิงไฮโดรเจนค่อย ๆ ลดลงเป็นลำดับ  อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงลดลงไปด้วย  สีจะเปลี่ยนเป็นสีขาว สีเหลือง และสีแดงก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับมวลของดาวฤกษ์ดวงนั้น


- วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์
   เมื่อดาวฤกษ์ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเกือบหมด ฮีเลียมจะกลายเป็นเชื้อเพลิงต่อไป   จะเปลี่ยนแปลงเป็นธาตุอื่น ๆ ต่อไปจน
เชื้อเพลิงหมดลง  ดาวฤกษ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากการขยายเป็นดาวยักษ์แดง  วาระสุดท้ายจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับมวลสารของดาวฤกษ์ดาวนั้น
      ดาวฤกษ์มวลสารน้อยขนาดเล็ก             กลายเป็น          ดาวแคระขาว
      ดาวฤกษ์มวลสารปานกลาง                   กลายเป็น          ดาวนิวตรอน
      ดาวฤกษ์มวลสารมาก                           กลายเป็น          หลุมดำ

   - ดาวแคระขาว
   วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ขนาดเล็ก  มวลสารน้อย  หลังจากขยายตัวเป็นดาวยักษ์แดงแล้วจะหดตัวลง  ปฏิกิริยานิวเคลียร์สิ้นสุดลง  และพลังงานความร้อนเดิมยังมีอยู่ เรียกว่า  ดาวแคระขาว จะค่อย ๆ เย็นตัวลงที่สุดจะกลายเป็นก้อนสสารอัดแน่นไม่มีแสงสว่าง  เรียกว่า  ดาวแคระดำ

   - ดาวนิวตรอน
   วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ขนาดกลาง  เมื่อดาวฤกษ์ใช้เชื้อเพลิงจนหมด  มีการเปลี่ยนแปลง อาจระเบิดออกเรียกว่า  ซุปเปอร์โนวา  คงเหลือมวลสารขนาดเล็กหดตัวต่อไปเรื่อย ๆ จนทำให้อิเล็กตรอนที่มีประจุลบอัดรวมตัวกับโปรตรอนที่มีประจุบวก กลายเป็นดาวนิวตรอนขนาดเล็ก  ดาวนิวตรอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20  กิโลเมตร มีมวลสารมากกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก

   - หลุมดำ
   วาระสุดท้ายของดาวฤกษ์ขนาดใหญ่มวลสารมาก  การหดตัวไม่หยุดลงเหมือนดาวแคระขาวหรือดาวนิวตรอน จะเกิดเป็นหลุมดำที่มีแรงดึงดูดสูงมาก  แม้แสงก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้


- เนบิวลา  กลุ่มฝุ่นก๊าซเศษซากของดาวฤกษ์
   เนบิวลา  มาจากภาษาลาติน  หมายถึง  เมฆ เป็นกลุ่มฝ้าขาวคล้ายเมฆบนฟ้า  คือกลุ่มฝุ่นก๊าซขนาดใหญ่ที่อาจเกิดจากการระเบิดของดาวฤกษ์ที่เรียกว่า  มหานวดารา สาดกระจายเศษซากของดาวฤกษ์ออกมา  เช่น  เนบิวลาปูในกลุ่มดาววัว  เนบิวลา อาจเป็นแหล่งกำเนิดของดาวฤกษ์  โดยกลุ่มฝุ่นก๊าซหดตัวจนอุณหภูมิและความกดดันสูงมากเกิดดาวฤกษ์ดวงใหม่เกิดขึ้น
- ประเภทดาวฤกษ์
   เมื่อนำสีของสเปกตรัมของดาวฤกษ์มาวัดประเภท  สามารถแบ่งประเภทดาวฤกษ์ตามสีและอุณหภูมิซึ่งมีความสัมพันธ์กันได้ 11  ประเภท  คือ  W,O,B,A,F,G,K,M,R,N,S  โดยดาวฤกษ์ชุด W,O,R,N,S  มีจำนวนน้อยมาก  ดาวบนท้องฟ้าส่วนใหญ่จัดอยู่ในพวก B ถึง M โดยเรียงจากอุณหภูมิผิวสูงมาก  ดาวฤกษ์สีฟ้าไปจนถึงอุณหภูมิที่ต่ำลงเป็นดาวยักษ์แดง  เช่น
      ดาวไรเจล (ในกลุ่มดาวเต่า , ดาวนายพราน) สีฟ้า                         อยู่ในกลุ่ม        B
      ดวงอาทิตย์  สีเหลือง                                                                 อยู่ในกลุ่ม        G
      ดาวอัลดิบาเรน (ในกลุ่มดาววัว)                                                  อยู่ในกลุ่ม         K
      ดาวปาริชาต หรือ แอนทาเรส (ในกลุ่มดาวแมงป่อง)                    อยู่ในกลุ่ม         M

- กลุ่มดาวฤกษ์ที่น่าสนใจในรอบปี
   กลุ่มดาวเด่นช่วงเดือน  ธันวาคม – กุมภาพันธ์
      -  เต่า , นายพราน
      -  สุนัขใหญ่ , ดาวซีริอุส
      -  กระจุกดาวลูกไก่
      -  วัว
   กลุ่มดาวเด่นช่วงเดือน  มีนาคม – พฤษภาคม
      -  สิงโต
      -  จระเข้ , หมีใหญ่
      -  คนคู่
   กลุ่มดาวเด่นช่วงเดือน  มิถุนายน – สิงหาคม
      -  แมงป่อง
      -  คนเลี้ยงสัตว์ , ดาวดวงแก้ว
      -  หญิงราว , ดาวรวงข้าว
   กลุ่มดาวเด่นช่วงเดือน  กันยายน – พฤศจิกายน 
      -  สามเหลี่ยมฤดูร้อน
      -  ม้าปีก
      -  ค้างคาว , ราชีนีแคสสิโอเปีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น