วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การใช้ประโยชน์จากดาวเทียม

การใช้ประโยชน์จากดาวเทียม

     ข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากรได้เอื้ออำนวยประโยชน์อย่างยิ่งต่อหน่วยงานราชการต่างๆ ในการนำเอาข้อมูลไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ  ซึ่งพอยกตัวอย่างได้ เช่น  กรมวิชาการเกษตร  กรมป่าไม้ กรมพัฒนาที่ดิน กรมทรัพยากรธรณี สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร  กรมชลประทาน  กรมแผนที่ทหาร  สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นอาทิ  รวมไปถึงมหาวิทยาลัยทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยได้มีการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมสำรวจทรัพยากรในสาขาต่างๆ ดังนี้

ด้านป่าไม้          กรมป่าไม้ได้นำข้อมูลจากดาวเทียม ไปใช้ศึกษาพื้นที่ป่าไม้ทั้งประเทศ  และติดตามการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่าไม้   โดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธาร  การสำรวจหาพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์และป่าเสื่อมโทรมทั่วทั้งประเทศ   การใช้ข้อมูลจากดาวเทียมศึกษาหาบริเวณพื้นที่ที่สมควรจะทำการปลูกสร้างสวนป่าทดแทนบริเวณป่าที่ถูกบุกรุกแผ้วถางทั่วประเทศ   การศึกษาหาสภาพการเปลี่ยนแปลงจากการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ทุกระยะ  ๓ ปี  นอกจากนี้ยังมีโครงการร่วมกันในระหว่างหน่วยงานต่างๆ  เช่น การร่วมมือกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร  สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  และองค์การต่างประเทศ  ทำการศึกษาและวิจัยงานด้านป่าไม้โดยใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเหมาะสมอาจใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้าช่วยหรือทำการวิเคราะห์ด้วยสายตา หรือทั้งสองวิธีรวมกัน
ด้านการใช้ที่ดิน          ด้วยเหตุที่การใช้ที่ดินในประเทศไทย ได้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอๆ โดยมนุษย์เป็นผู้กำหนดลักษณะการใช้ที่ดินว่าจะเป็นไปในลักษณะใด  เช่น  การทำเกษตรกรรม  การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน  หรือการสร้างสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น  ดังนั้นข้อมูลจากดาวเทียมจึงถูกนำมาใช้โดยกรมพัฒนาที่ดิน  เพื่อใช้ในการศึกษาและวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ที่ดิน  ตลอดจนการจัดทำแผนที่แสดงขอบเขตการใช้ที่ดินแต่ละประเภท   การนำข้อมูลจากดาวเทียมมาใช้ดำเนินกรรมวิธีการวิเคราะห์ทั้งสองแบบ  คือการแปลด้วยสายตา  และการใช้คอมพิวเตอร์ช่วย   ทำให้ได้ผลที่ดีและเป็นที่เชื่อถือได้  โครงการทางด้านการใช้ที่ดินที่ได้ทำไปแล้วมีหลายโครงการ   ทำการศึกษาโดยหน่วยงานราชการและมหาวิทยาลัยต่างๆ  โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม  การประเมินการชะล้างพังทลายของดินบริเวณบางส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำจังหวัดเชียงใหม่  โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียมSPOT และ LANDSAT เป็นต้น
ด้านการเกษตร          การใช้ข้อมูลดาวเทียมด้านการเกษตรส่วนใหญ่ใช้ศึกษาพื้นที่เพาะปลูก  ความชื้นในดินการเปลี่ยนแปลงบริเวณเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจการประเมินความเสียหายจากศัตรูพืช   เป็นต้น ซึ่งต้องใช้ข้อมูลที่ทันต่อเหตุการณ์และมีความต่อเนื่องประกอบด้วย  ดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่  คือ ดาวเทียม  LANDSAT ระบบ TM  ดาวเทียม SPOT และ MOS-๑ ที่ให้ข้อมูลรายละเอียดสูง  จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมยิ่งขึ้น  และเนื่องจากมีการถ่ายภาพซ้ำที่เดิมทุกๆ  ๑๘  วันของดาวเทียม LANDSAT  และทุกๆ  ๑๖ วันของดาวเทียม SPOT ทำให้สามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของภาพบริเวณเดียวกัน ซึ่งถ่ายภาพต่างวันและต่างฤดูกันได้

          กรมวิชาการเกษตร  สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  ได้นำข้อมูลจากดาวเทียมไปใช้ในโครงการต่างๆ เช่น การใช้ข้อมูลจากดาวเทียม LANDSAT ติดตามการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่นาข้าวภาคกลาง   ศึกษาหาผลิตผลของข้าวการสำรวจพื้นที่ปลูกยางพาราของประเทศไทยการศึกษาความเป็นไปได้ของการประมาณพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันในบริเวณภาคใต้และการกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพของการเกษตรโดยการแปลภาพจากดาวเทียม SPOT ด้วยสายตา



ด้านธรณีวิทยาและธรณีสัณฐาน
          การนำข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากรมาใช้งานในด้านนี้   จะมีลักษณะและวิธีการแตกต่างไปจากการแปลข้อมูลด้านอื่นๆ  เช่นป่าไม้  การใช้ที่ดิน  และเกษตรกรรม  ซึ่งอาศัยแต่เพียงปัจจัยการแปลภาพพื้นฐานก็สามารถศึกษาข้อมูลเหล่านั้นได้   แต่การแปลความหมายทางธรณีวิทยาและธรณีสัณฐาน  จะอาศัยวิธีการอ่านข้อมูลที่เห็นได้โดยตรง  เช่น ลักษณะภูมิประเทศ  ลักษณะทางน้ำ  ลักษณะการใช้ที่ดินตลอดจนองค์ประกอบในการแปลภาพรวมกันเข้า   แล้วจึงจะแปลความหมายทางด้านธรณีสัณฐานและทางธรณีวิทยาอีกชั้นหนึ่ง  ความสามารถของดาวเทียมในปัจจุบันนี้  มีคุณสมบัติในการเห็นภาพสามมิติ  (ดาวเทียม  SPOT) จึงทำให้สามารถศึกษาลักษณะภูมิประเทศได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพจากดาวเทียมซึ่งมองเห็นบริเวณกว้างขวาง  สามารถรวมเอาภาพทางธรณีสัณฐานขนาดใหญ่ไว้ในภาพเดียวกันได้
          หน่วยงานหรือส่วนราชการต่างๆ  ที่ใช้ข้อมูลภาพจากดาวเทียมในการปฏิบัติงาน หรือการศึกษาวิจัย ได้แก่ กรมทรัพยากรธรณี  และมหาวิทยาลัยต่างๆ ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค  ทำให้ทราบได้ว่าการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมเพื่อการศึกษาลักษณะและโครงสร้างทางธรณีสัณฐานนั้นเป็นที่แพร่หลายในประเทศไทยพอสมควรทีเดียว

ด้านอุทกวิทยา
          การศึกษาในด้านอุทกวิทยา  อาจรวมถึงการศึกษาเกี่ยวกับ "อุทกภาค" ซึ่งหมายถึงน้ำทั้งบนบก  ในทะเล  น้ำบนดินและใต้ผิวดิน  ซึ่งรวมไปถึงแหล่งที่มา  ปริมาณการไหลเวียนคุณภาพ  และมลภาวะ เป็นต้น โดยเฉพาะแหล่งน้ำบนดิน  ภาพถ่ายจากดาวเทียม  จะสามารถมองเห็นแหล่งที่ตั้ง  รูปร่าง  และขนาด ได้เป็นอย่างดี  ถ้าหากขนาดที่ปรากฏอยู่บนภาพดาวเทียมไม่เล็กจนเกินไป   เนื่องจากน้ำมีคุณสมบัติในการดูดกลืนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า   ตั้งแต่ความยาวคลื่นประมาณ  ๐.๗  ไมครอน  ขึ้นไปได้เกือบหมดดังนั้นภาพในช่วงคลื่นอินฟราเรดใกล้  (๐.๗-๑.๐ ไมครอน)  จะแสดงขอบเขตบริเวณที่เป็นน้ำบนผิวดินได้เด่นชัด  และนำมาศึกษาขอบเขตน้ำผิวดินได้ดีกว่าช่วงคลื่นอื่นๆ
          กรมชลประทาน
          ได้มีการนำเอาข้อมูลจากดาวเทียมไปใช้ในการวิจัยเรื่องการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากร   เพื่อการชลประทานบริเวณพื้นที่ชลประทานของโครงการเกษตรชลประทานด้วยระบบคอมพิวเตอร์  เพื่อติดตามประเมินผลการส่งน้ำบริเวณโครงการฯ  เพื่อใช้เป็นข้อมูลพิจารณาวางแผนด้านการจัดสรรน้ำ  และการปรับปรุงระบบชลประทานที่ใช้งานอยู่ให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
          การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย         ได้วิจัยเรื่องการใช้ภาพดาวเทียมศึกษาการใช้น้ำและการบำรุงรักษาเขื่อน  อ่างเก็บน้ำเพื่อหาทางนำข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้เป็นประโยชน์ในงานด้านวิศวกรรมเกี่ยวกับการบำรุงรักษาเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ
          สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย
         ได้ใช้ข้อมูลจากดาวเทียม LANDSAT ในการศึกษาน้ำผิวดินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อจุดประสงค์ในการนับจำนวนอ่างเก็บน้ำที่มีอยู่เพื่อศึกษาคุณสมบัติในการเก็บกักน้ำของแต่ละอ่าง  เพื่อใช้ในการวางแผนการบำรุงรักษาอ่างเก็บน้ำ  พร้อมทั้งการวางแผนการจัดหาน้ำให้เพียงพอแก่ความต้องการตลอดทุกฤดูกาล




ด้านสมุทรศาสตร์
          การใช้ประโยชน์ของข้อมูลจากดาวเทียมในด้านสมุทรศาสตร์นั้น ได้แก่  การศึกษาเกี่ยวกับตะกอนในทะเลและคุณภาพน้ำบริเวณชายฝั่งเช่น การศึกษาการแพร่กระจายตัวของตะกอนแขวนลอยบริเวณรอบเกาะภูเก็ต  และการแพร่กระจายตัวของตะกอนในบริเวณปากแม่น้ำต่างๆของอ่าวไทยตอนบน  เช่น  ปากแม่น้ำเจ้าพระยาบางปะกง  และท่าจีน เป็นต้น   ผลได้จากการศึกษานั้นมีมาก  เช่น  เป็นประโยชน์ในด้านสิ่งแวดล้อม  ด้านสมุทรศาสตร์ และการประมงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้ทำการศึกษาดังกล่าวแล้ว

ด้านอุทกภัย
          อุบัติภัยทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่รู้ล่วงหน้าหรือไม่รู้ล่วงหน้าก็ตาม  ความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินนั้นย่อมมีขึ้นได้เสมอ  ซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมและการเตรียมตัวอยู่เสมอนั่นเอง  อุทกภัยที่ภาคใต้  โดยเฉพาะที่อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช  ในปีที่ผ่านมา  ยังความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่ชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก ทำให้มีการตื่นตัวกันในการที่จะนำข้อมูลจากดาวเทียมมาศึกษาและสำรวจสภาพน้ำท่วม    เพื่อให้ทราบถึงขอบเขตบริเวณน้ำท่วม   ตลอดจนผลกระทบจากน้ำท่วม   ซึ่งจะกระจายเป็นบริเวณกว้างไปสู่บริเวณที่มีความลาดต่ำอยู่เสมอ   การติดตามสำรวจการเปลี่ยนแปลงเป็นบริเวณกว้างในขณะที่น้ำท่วมนั้น จะเป็นการยากมากในการใช้เครื่องมือสำรวจและรังวัดอย่างธรรมดา  การใช้เทคนิคการสำรวจจากระยะไกลในการสำรวจและบันทึกขอบเขตพื้นที่น้ำท่วม สามารถทำได้และทำได้ดี  ซึ่งจะทำให้เห็นบริเวณน้ำท่วมและสภาพน้ำท่วมอย่างเป็นขั้นตอน   สามารถนำข้อมูลมาศึกษา   เพื่อหาทางวางแผนและวางมาตรการในการป้องกันการเกิดน้ำท่วมในปีต่อๆ ไป และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะสามารถศึกษาความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นเพื่อการฟื้นฟูบูรณะต่อไป  การศึกษาเหล่านี้  ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้ทำเป็นตัวอย่างไปบ้างแล้ว

ด้านการทำแผนที่
          ข้อมูลภาพที่ได้รับจากดาวเทียมสามารถปกคลุมบริเวณกว้าง  สามารถใช้ในการทำแผนที่และใช้แก้ไขเพิ่มเติมแผนที่ได้  โดยเฉพาะข้อมูลจากดาวเทียม SPOT ซึ่งมีรายละเอียดภาพสูง และสามารถดูภาพสามมิติได้  คุณสมบัติที่เหมาะสมนี้ทำให้กรมแผนที่ทหารได้ทดลองใช้ภาพจากดาวเทียม  SPOT แก้ไขแผนที่ภูมิประเทศ มาตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐ ให้ทันสมัย  ซึ่งได้ทำไปแล้วในบริเวณจังหวัดเชียงใหม่  และแถบชายทะเล ตะวันออก  และทราบว่าใช้ได้ดี  และมีโครงการต่อไปอีกในหลายจังหวัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น